เกาะนี้มีชื่อเสียงของผู้อาศัยใ...
ReadyPlanet.com


เกาะนี้มีชื่อเสียงของผู้อาศัยในชื่อ Rapa Nui โมอาย


 เกาะอีสเตอร์ โมอาย 
 
 
 
โมอายของราปานุ้ย 
 
เกาะอีสเตอร์เป็นที่รู้จักจากรูปปั้นหินที่มนุษย์ทำขึ้น หรือที่เรียกว่าโมอาย (ซึ่งก็คือ “รูปปั้น”) เกาะนี้มีชื่อเสียงของผู้อาศัยในชื่อ Rapa Nui โมอายคงจะสลักขึ้นเพื่อนึกถึงบรรพบุรุษที่สำคัญและก็ผลิตขึ้นตั้งแต่ราวปี ส.ศาสตราจารย์ 1000 จนกระทั่งช่วงหลังของศตวรรษที่สิบเจ็ด กว่าสองสามร้อยปีแล้ว ที่ชาวเกาะไกลห่างที่นี้ได้ขุดเหมือง แกะ แล้วก็ทำขึ้นราวๆ 887 โมอาย ขนาดและก็ความสลับซับซ้อนของโมอายมากขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป แล้วก็เช้าใจกันว่าฮัว ฮาคานาไนอา (ข้างล่าง) มีขึ้นโดยประมาณปี คริสต์ศักราช 1200 เป็นโมอายเพียงแต่หนึ่งในสิบสี่ที่ทำจากหินบะซอลต์ ที่เหลือสลักจากปอยภูเขาไฟที่นุ่มกว่าของเกาะ ด้วยการรับเอาศาสนาคริสต์ในสมัย 1860 โมอายที่เหลืออยู่ก็ถูกโค่นล้ม 
 
 pussy888
 
หงายท้องลงสมุทร 
 
แบบอย่างนี้คงจะถูกเอามาแสดงเป็นครั้งแรกบนแท่นหิน (ahu) ในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของ Orongo ก่อนจะถูกย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านหินที่ศูนย์พิธีการของ Orongo มันจะยืนอยู่กับเพื่อนหินขนาดยักษ์ หันหลังให้กับสมุทร เฝ้าเกาะ เดิมเบ้าตาถูกฝังด้วยหินสีแดงและก็ต้นปะการัง แล้วก็ประติมากรรมถูกวาดด้วยการออกแบบสีแดงแล้วก็สีขาว ซึ่งถูกล้างออกเมื่อล่องแก่งไปยังเรือ เพื่อนำไปยังยุโรปในปี พุทธศักราช 2412 ลูกเรือของเรือได้เก็บรวบรวมไว้ เรือ HMS Topaze ของอังกฤษ ภายใต้การบังคับบัญชาของ Richard Ashmore Powell สำหรับเพื่อการไปเยี่ยมเกาะอีสเตอร์ในปี 1868 เพื่อปฏิบัติงานตรวจสอบ ชาวเกาะช่วยลูกเรือโยกย้ายรูปปั้น ซึ่งคาดว่าน่าจะหนักโดยประมาณสี่ตัน มันถูกย้ายไปที่ชายทะเลแล้วค่อยนำไปที่บุษราคัมโดยแพ 
 
ลูกเรือบันทึกชื่อของชาวเกาะสำหรับรูปปั้นนี้ ซึ่งคาดว่าน่าจะหมายคือ "เพื่อนพ้องที่ถูกโจรกรรมหรือแอบซ่อนอยู่" พวกเขายังได้รับรูปปั้นหินบะซอลต์ที่มีขนาดเล็กกว่าอีกที่รู้จักกันในชื่อ Moai Hava (ซ้าย) ซึ่งอยู่ในคอลเล็กชันของ British Museum ด้วย 
 
Hoa Hakananai"a มีลักษณะคล้ายกับเกาะอีสเตอร์ moai ปริมาณหนึ่ง มีสันขนคิ้วหนัก หูยาว แล้วก็รูจมูกเป็นวงรี เน้นย้ำกระดูกไหปลาร้าและก็จุกนมยื่นออกมา แขนบางรวมทั้งแนบลำตัวแนบสนิท มือแทบไม่กำหนด 
 
ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติอังกฤษ หุ่นนี้ตั้งอยู่บนแท่นหินที่มีความสูงมากยิ่งกว่าเมตรเพื่อตั้งสูงเด่นเหนือผู้มาเลิศ สลักจากหินบะซอลต์สีเทาเข้ม ซึ่งเป็นหินภูเขาไฟที่มีเนื้อละเอียดและก็แข็ง ผิวของหินตะปุ่มตะป่ำและก็เป็นหลุมเป็นบ่อ รวมทั้งจุดประกายวับๆอย่างกับผลึกเล็กๆในหินแวววาม หินบะซอลต์ยากที่จะแกะและก็ยกโทษจุดบกพร่อง ประติมากรรมนี้บางทีอาจได้รับมอบหมายจากบุคคลที่มีสถานะสูง 
 
หัวของ Hoa Hakananai"a เอียงไปด้านหลังบางส่วน เหมือนกับว่ากำลังสแกนเส้นขอบฟ้าที่อยู่ไกลห่างออกไป เขามีสันขนคิ้วที่เด่นบังดวงตาที่รกร้างว่างเปล่าของเขา จมูกยาวรวมทั้งตรง ปลายจมูกเป็นวงรีขนาดใหญ่ ริมฝีปากบางจัดเป็นเส้นโค้งลง ทำให้บริเวณใบหน้ามีสีหน้าท่าทางเคร่งขรึมและไม่ลอมชอม เส้นแนวดิ่งจางนูนต่ำจะลากจากกึ่งกลางปากถึงคาง ฟันกรามมีขนาดใหญ่แล้วก็กระจ่าง หูยาว โดยเริ่มจากส่วนบนของหัวและก็ลงท้ายด้วยกลีบแขวน 
 
กระดูกไหปลาร้าของร่างนั้นเน้นย้ำด้วยการเว้าส่วนโค้ง รวมทั้งอกของเขาถูกระบุด้วยเส้นแกะที่ลากลงมาจากส่วนบนของแขนของเขาแล้วก็โค้งขึ้นเขาเต้านมไปจนกระทั่งส่วนนูนเล็กๆที่ยื่นออกมาของจุกนม แขนแอบชิดลำตัว ส่วนมือเป็นหลักฐาน สลักนูนต่ำ 
 
 
 
วันหลังแกะที่ข้างหลัง 
 
ส่วนหลังของรูปภาพถูกปิดด้วยแบบแผนการที่มั่นใจว่ามีการเพิ่มเข้ามาในตอนหลัง บางรูปแกะสลักแบบนูนต่ำ นิดหน่อยมีรอยบาก ภาพกลุ่มนี้แสดงภาพที่เกี่ยวโยงกับลัทธินักมองนกของเกาะ ซึ่งปรับปรุงขึ้นภายหลังราวๆปี คริสต์ศักราช 1400 พิธีทางศาสนาคนนกที่สำคัญเป็นการทดลองความแข็งแกร่งแล้วก็ความทรหดอดทนรายปี ซึ่งหัวหน้าและก็ผู้ติดตามของพวกเขาชิงชัยกัน หัวหน้าที่ได้รับชัยก็เลยเป็นผู้แทนของพระผู้เป็นเจ้าผู้ผลิต Makemake ในปีหน้า 
 
แกะบนข้างหลังส่วนบนแล้วก็ไหล่เป็นนกสองตัวหันเข้าพบกัน สิ่งพวกนี้มีมือแล้วก็เท้าของผู้คนและก็หัวของนกรบ กึ่งกลางหัวมีการสลักนกลูกนกตัวเล็กๆที่มีต้องอยปากเปิดอยู่ ประชิดข้างด้วยการแกะสลักไม้พายสำหรับพิธีกรรมที่เรียกว่า "อาว" โดยมีการสลักบริเวณใบหน้าไว้ ที่หูซ้ายมี "ao อีกอัน แล้วก็วิ่งจากบนลงด้านล่างของหูขวามีสี่รูปร่างเสมือน "V" กลับหัวกลับหางซึ่งเป็นผู้แทนของช่องคลอดผู้หญิง มั่นใจว่ามีการเพิ่มรูปแกะสลักพวกนี้ในวันหลัง 
 
ราวส.ศาสตราจารย์ 1500 การ ปฏิบัติ สร้าง โมอาย ถึง ขีด สุด รวมทั้ง จาก ประมาณส.ศาสตราจารย์ 1600 รูปปั้น เริ่ม ล้ม ล้ม เป็น ครั้ง คราว. ระบบนิเวศที่บอบบางของเกาะถูกส่งเสริมให้เหนือกว่าความยั่งยืนและมั่นคง เมื่อเวลาผ่านไป มีเพียงแต่นกสมุทรเพียงแค่นั้นที่สร้างรังบนหินและก็เกาะนอกริมตลิ่งที่ปลอดภัยกว่า เมื่อความเคลื่อนไหวพวกนี้เกิดขึ้น ศาสนาราปานุยก็เปลี่ยนแปลงเช่นเดียวกัน—ศาสนานก ประติมากรรมชิ้นนี้เป็นผู้เห็นเหตุการณ์ถึงการสูญเสียความเชื่อมั่นและมั่นใจในคุณภาพของบรรพบุรุษภายหลังการทำลายป่าและก็การล่มสลายของระบบนิเวศ รวมทั้งปัจจุบันเป็นแนวความคิดเกี่ยวกับการนำหนูเข้ามา ซึ่งบางทีอาจก่อให้เกิดความยากจนแล้วก็ความไม่ถูกกันในสุดท้าย ข้างหลังปี คริสต์ศักราช 1838 ในตอนที่สังคมล่มสลายภายหลังการคั่นแซงของยุโรป โมอายที่เหลือก็ถูกโค่นล้ม 



ผู้ตั้งกระทู้ เอมิกา :: วันที่ลงประกาศ 2021-09-07 21:28:12


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล



Copyright © 2010 All Rights Reserved.